Monday, 21 September 2015

มาดามพาเพลิน Oktoberfest เทศกาลเบียร์ประจำปี



                                                         https://wolfsgain.wordpress.com
                  

งานเทศกาลเบียร์ประจำปีของประเทศเยอรมนีที่หนุ่มสาวชาวเยอรมันตั้งหน้าตั้งตารอเริ่มขึ้นแล้ว โดยทั่วไปจะจัดเป็นเวลา 16 วัน ณ.เมืองมิวนิก ที่มาดามอยู่นี้เอง ในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมของทุกปี  ปีนี้ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ถึง 4 ตุลาคม

Oktoberfest  ถือเป็น 1 ในเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดในเยอรมนีและเป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของโลก กับผู้เข้าร่วมเทศกาลประมาณ 6 ล้านคนทุกปี และมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมของบาเยิร์น เทศกาลดั้งเดิมจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1810 โดยจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองงานอภิเษกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารลุดวิคกับเจ้าหญิงเทเรเซน 



สถานที่จัดงานจะเรียกว่า Theresienwiese หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Wiesn บริเวณลานนี้เปรียบเสมือนท้องสนามหลวงของไทย มักจะใช้จัดงานหรือกิจกรรมใหญ่ๆ เช่น Oktoberfest  ตลาดคริสมาส เป็นต้น ขนาดพื้นที่ประมาณ 42 ตารางกิโลเมตร การเดินทางนั้นไม่ยากเลยจากตัวเมืองมิวนิค หรือสถานี Karlplatz (Stachus) นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินหรือ U Bahn สาย 4 มุ่งหน้า Westend str. หรือ สาย 5 มุ่งหน้า Laimer Platz ลงที่สถานี Theresienwiese โผล่ขึ้นไปถึงงานเลยสะดวกมาก

สถานที่ดื่มเบียร์จะมีทั้งในร่มและกลางแจ้ง ถ้าในร่มเขาจะเรียก เต็นท์ ( Zelte ) มีทั้งเล็กทั้งใหญ่ให้เลือกเข้าไป และในแต่ละเต็นท์ก็จะมีการแสดงท้องถิ่นของบาวาเรียนบนเวที บริการอาหารสไตล์บาวาเรียน รวมทั้งเครื่องดื่มอื่นๆ 



 

                                                        oktoberfest.de
 

สนนราคาค่าเบียร์ ต่อแก้วต่อลิตรไม่ต่ำกว่า 10 ยูโร หรือประมาณ 400 บาทขึ้นไป ยังไม่รวมค่าอาหารนะ ซึ่งแต่ละคนที่ไปคงไม่ดื่มกันแค่แก้วสองแก้วแน่ๆใช่ไหมละ คงต้องเตรียมกระเป๋าเงินให้พร้อมกันนะคะ สำหรับการจะเข้าไปนั้นไม่ใช่ว่าอยากเข้าไปก็เข้านะ จะต้องมีบัตรเชิญ หรือต้องจองโต๊ะล่วงหน้าเกือบปี ถ้าไม่จองต้องไปรอเอาคิวตั้งแต่เช้าตรู่เผื่ออาจจะได้คิวเสริม เดินมั่วๆเข้าไปโดนคุณรปภ.เตะโด่งมาไม่รู้นะ ตัวแม่งอย่างกะยักษ์ แต่บางเต้นท์ที่เล็กๆ ที่ไม่เน้นเบียร์อย่างเดียว จะมีอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ จำหน่ายด้วย ไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้าแต่ก็อาจจะต้องรอคิวนานพอสมควร มาดามก็ไปตามเต้นท์พวกนั้นแหละ อิๆๆ

                                                          oktoberfest.de

หากใครไม่นิยมเบียร์ ก็จะมีบูทขายอาหาร ผลไม้ ถั่วนานาชนิดเคลือบช็อคโกแลต ขนมหวานให้เลือกทาน ไม่อดตายอย่างแน่นอน และขนมประจำงานที่ขาดไม่ได้จะมีขายทั่วทั้งงานนั้นก็คือ 


 
Lebkuchenherz  คุกกี้น้ำตาลรูปหัวใจ ใครมาแล้วต้องลอง แต่มันหวานมากนะขอเตือนไว้ก่อน

หลายๆคนรวมทั้งมาดามด้วย อาจคิดว่ามันคงเป็นแค่ลานเบียร์เหมือนบ้านเราที่อุดมไปด้วยเบียร์นานาชนิด แต่ไม่ใช่ มันเป็นงานเบียร์ที่มีสวนสนุกให้เล่นไปด้วย เมื่อก่อนจะมีแต่เบียร์ ยุคสมัยเปลี่ยนเลยพัฒนาให้มีเครื่องเล่นต่างๆ เพื่อรองรับกับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยได้มากขึ้น


  









เครื่องเล่นมีไม่ต่ำกว่า 10 ชนิดให้เลือกเล่นกันตามอัธยาศัย ส่วนราคาก็แตกต่างกันไปประมาณ 3-7 ยูโร เสียวมากก็แพง เสียวน้อยก็ถูก
 
สำหรับการแต่งกายชาวเมือง จะแต่งเป็นชุดประจำเมืองบาวาเรียน ก็อย่างที่เห็นมาดามกะสามีแต่งอ่ะคะ คล้ายแนวคาวบอยจริงๆ แล้วผู้หญิงจะต้องใส่แบบโชว์เนินอกเยอะๆ แต่มาดามขอสละสิทธิ์ อกน้อยๆอย่าไปประชันกะเขาเลย หนาวอีกตะหาก ชุดแต่งกายของผู้หญิงเรียกว่า เดลินเดล dirndl

 
                                                        bavaria-lederhosen

ผู้ชายเรียกว่า เลเดอร์โฮเซิล Lederhosen แต่ละชุดราคาปกติไม่ต่ำกว่า 100 ยูโร โดยเฉพาะของผู้ชาย เสื้อไม่เท่าไรแค่เชิ้ต แต่กางเกงมันทำจากหนังตกตัวละ 200 ยูโร หรือ 8000 บาท ชุดคุณผู้หญิงก็แพงไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน หากใครต้องการเนื้อผ้าหนาๆ ปักลายสวยๆ ราคาก็พุ่งขึ้นถึง 200 ยูโรเช่นกัน  แต่ไม่ต้องตกใจของมาดามซื้อช่วงท้ายเทศกาลได้ราคาถูก ไม่เน้นหรูหราราคาแพง เอาเพียงแค่ใส่ร่วมเทศกาลก็พอ 

หากใครมีแผนที่จะมาเที่ยวเยอรมนีตอนใต้ อย่าลืมมาแวะชมเทศกาลอันยิ่งใหญ่ของประเทศนี้กันนะคะ ย้ำกันอีกที งานเริ่มแล้ววันนี้ไปจนถึง 4 ตุลาคม ปีละครั้ง เท่านั้น พลาดไม่ได้น้า !!!!!! หากไม่ทันปีนี้ ปีหน้าเริ่ม 17 กันยายน ถึง 3 ตุลาคม 2559
ปล. เตรียมเงินมาเยอะๆนะในงานของแพงระเบิด แต่มันส์กระจาย คุ้มเบย เชื่อมาดามสิ!!??

เยอรมนีสวรรค์ของนักดื่มเบียร์

Wednesday, 9 September 2015

รู้หรือไม่ขวดน้ำทุกชนิดที่เยอรมนีตีค่าเป็นเงินนะ



                                                    http://www.mehrweg.org/einkaufen/pfand/

สวัสดีค่ะ ห่างหายจากบล็อกไปพักใหญ่ๆ พอดีมีเรื่องวุ่นๆนิดหน่อยเลยไม่มีเวลามาเขียน แต่คิดถึงทุกคนเสมอนะ ไม่รู้จะมีคนรออ่านบล็อคของมาดามรึเปล่าเนออออ แหะๆๆ มาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า

ซุปเปอร์มาเก็ตหรือตามร้านสะดวกซื้อทั้งหลายในประเทศเยอรมนีนั้น เมื่อเวลาคุณเข้าไปซื้อเครื่องดื่มบรรจุขวดหรือกระป๋องทุกชนิด ทางร้านจะบวกค่าขวดเข้าไปด้วยเสมอเป็นค่ามัดจำ(คล้ายกับขวดน้ำอัดลมแก้วสมัยก่อนเลยเนอะ) ตั้งแต่ 2-25 เซน ขึ้นกับประเภทของขวดนั้นๆ ไม่ต้องแปลกใจหรือโวยวายใดๆ หากมาถึงหน้าเคาร์เตอร์ชำระเงินแล้วพนักงานแจ้งราคาเกินกว่าที่เขาตั้งไว้ นั้นเพราะเขาได้รวมค่าขวดเข้าไปแล้วนั้นเอง ยกเว้นแต่ราคาก่อนบวกค่าขวดมันเกินจริงๆก็ค่อยโวยวายแล้วกันนะ เมื่อเราดื่มเครื่องดื่มต่างๆหมดแล้ว และนำขวดไปทิ้งเท่ากับว่าทิ้งเงินที่เรามัดจำไว้ด้วยเช่นกัน ถ้าอยากได้เงินคืนก็ต้องนำขวดไปแลกตามซุปเปอร์นั้นเอง การที่เขาคิดค่าขวดน้ำเรานั้นก็เพื่อลดปัญหาขยะขวดพลาสติกต่างๆ และปัญหาในการจัดเก็บขยะก็จะน้อยลง อีกทั้งยังสะดวกในการรวบรวมขวดบรรจุภัณฑ์ต่างๆอีกด้วย

อัตราค่ามัดจำขวด
1.         ขวดเบียร์ ชนิดขวดแก้วทุกขนาด                          ราคา   8 เซน
2.         ขวดเบียร์ ฝาขวดป๊อปอัพ                                     ราคา 15 เซน
3.         ขวดน้ำดื่ม ชนิดขวดแก้วและขวดพลาสติก           ราคา 15 เซน
4.         ขวดน้ำผลไม้และขวดน้ำอัดลม                            ราคา 15 เซน
5.         ขวดไวน์ขนาด 1 ลิตร                                          ราคา 2-3 เซน
6.         ขวดเครื่องดื่มใช้ครั้งเดียวทิ้ง                                 ราคา 25 เซน

แต่มันก็ยังมีข้อยกเว้นนะ ขวดเครื่องดื่มบางชนิดก็ไม่มีค่ามัดจำ เพราะอาจไม่จำเป็นต้องนำมารีไซเคิลหรือใช้ใหม่ วิธีที่เราจะรู้ได้ยังไงว่าพนักงานไม่โมเมรวมค่าขวดไปเอง โดยจะมี 2 วิธีดังนี้

1.         สังเกตที่ข้างบรรจุภัณฑ์บริเวณบาร์โค้ด จะมีรูปกระป๋องและขวดน้ำและลูกศรวนกลับ ติดอยู่เสมอ

 
2.         หากไม่มีเครื่องหมายคืนขวด ก็จะต้องสังเกตจากคีย์เวิอร์สข้างขวด โดยทั่วไปจะเขียนว่า Pfandflasche  หรือ Pfand zurück แปลว่า ค่ามัดจำขวด นั้นเอง


เวลาที่เรานำขวดไปแลกเงินคืนโดยปกติแล้วถ้าตามซุปเปอร์มาเก็ต ซึ่งจะมาอยู่ทั่วเมือง จะสะดวกที่สุด เขาจะมีเครื่องคืนขวดตั้งอยู่ภายในร้าน เราก็นำขวดทั้งหมดที่จะไปคืนใส่เข้าไป หันปากขวดเข้าหา จากนั้นเครื่องจะแสกนบาร์โค้ดที่ขวดพร้อมบอกจำนวนและราคาที่ใส่ขวดเข้าไป เมื่อเสร็จแล้วกดปุ่มสีเขียวเครื่องจะให้ใบเสร็จออกมา เราสามารถนำไปขึ้นเงินที่เคาร์เตอร์ชำระเงิน หรือจะนำไปเป็นส่วนลดสินค้าภายในซุปเปอร์ก็ได้ 


                                                    https://de.wikipedia.org/wiki/Leergutautomat

ในกรณีที่ซุปเปอร์บางที่ไม่มีเครื่องคืนขวด เราสามารถนำไปคืนได้ที่เคาร์เตอร์ชำระเงินได้เลย โปรดจำไว้หากฉลากยี่ห้อขวดหลุดออก เราจะไม่สามารถคืนได้ เนื่องจากเครื่องไม่สามารถอ่านบาร์โค้ดได้ว่าขวดนั้นเป็นขวดจากที่ไหน ก็จะอดได้เงินคืนนะ

สำหรับยี่ห้อเครื่องดื่มที่เป็นสินค้าตราห้าง ( House Brand ) บางชนิดจะสามารถคืนได้เฉพาะซุปเปอร์ที่ซื้อมาเท่านั้น ฉะนั้นเพื่อความแน่นอนว่าคืนได้ทุกที่ จงซื้อเครื่องดื่มที่มีขายทั่วไปจะดีกว่า แต่อาจจะลำบากตอนคืนนิดหน่อยเท่านั้นเอง แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นสินค้าตราห้าง ข้อสังเกตเหมือนบ้านเราเลย ราคา จะถูกกว่าสินค้าแบรนด์ ลักษณะฉลากหรือบรรจุภัณฑ์จะเรียบๆ ไม่สวยงามเท่าไร ส่วนรสชาติก็ตามแต่บุญแต่กรรม บ้างก็อร่อยบ้างก็สยอง แต่ถ้าอยากลองก็ได้นะไม่ผิดกติกานะ

แล้วถ้าเราไปทานอาหารตามร้านทั่วไปสามารถคืนขวดได้ไหม บางร้านทำได้ บางร้านทำไม่ได้ ร้านที่ทำได้จะเป็นร้านอาหารเล็กๆ เขาจะบวกค่ามัดจำลงไปในใบเสร็จเมื่อเราทานเสร็จก็จะนำขวดไปคืนก็จะได้เงินกลับมา แต่ส่วนใหญ่ก็จ่ายให้เป็นทิปไป บางครั้งเขาก็จะไม่ได้แจ้งค่าขวดในใบเสร็จ แต่บวกกำไรไปกับค่าเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถนำขวดออกมาได้ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของเรา แต่บางร้านหัวหมอ ราคาเครื่องดื่มก็สูงแล้วแต่ก็ไม่ให้ขวดเรา โดยเขาจะรินใส่แก้วมาให้เลย เช่นนี้ก็อดไปนะ

http://www.kaleidos.de/2013/03/05/einkaufen-8/
 
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่รู้ก็จะทิ้งขวดกันแทบจะทุกคน บางคนรู้แต่ไม่อยากเสียเวลา หรือหอบหิ้วขวดไปด้วยตลอด ดังนั้นจึงทำให้มีอาชีพเก็บขวดคืนตามเมืองใหญ่ๆ หรือตามสวนสาธารณะ บางคนคุ้ยในขยะหาขวดเลย ถ้าตามสวนฯ เขาอาจจะเดินมาถามว่าจะเอาขวดไหมถ้าไม่เขาขอ  มาดามเคยเห็นวันนึงได้เป็นกระสอบเลยก็มี 

                          http://www.kaleidos.de/2013/03/05/einkaufen-8/
 

รู้อย่างนี้แล้วต่อไปเวลามาเที่ยวเมืองอินทรีย์เหล็กก็อย่าทิ้งขวดกันนะจ๊ะ แม้ว่าจะเป็นเพียงไม่กี่เซน แต่ถ้าหลายๆ คน หลาย ๆขวดรวมกันมันก็เป็นเงินที่สามารถซื้ออาหารทานได้หนึ่งมื้อเลยนะ

 

มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน....