ก่อนอื่นขอแสดงความเสืยใจกับญาติผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหลาย กับเหตุลอบวางระเบิดที่บริเวณพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมาด้วยนะค่ะ ขออย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเลย สาธุๆๆๆ
จริงๆแล้วบทความนี้มาดามเขียนไว้วันเดียวกับที่เกิดเหตุลองวางระเบิด เกือบจะจบแล้วพอทราบข่าววางทุกอย่างแล้วเปิดทีวีดูเลย เป็นห่วงเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ทำงานอยู่บริเวณนั้น ทุกคนปลอดภัยมาดามก็สบายใจ เรื่องราวร้ายๆผ่านไปแต่ทุกอย่างยังไม่กระจ่าง มาดามเป็นกำลังใจให้ตำรวจและทหารทุกนายจับคนร้ายมาลงโทษให้ได้นะคะ เอาละมาถึงช่วงมาดามพาเที่ยว คลายเครียดกันบ้างดีกว่า
เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์มาถึงสองสามี ภรรยา จะถามกันแล้ว ไปไหนกันดี คำถามโลกแตกไม่รู้จะไปไหน พอดีเป็นช่วงเพื่อนสาวว่างนางเลยชวนมาเที่ยวบ้านที่ เมือง Kitzbühel ประเทศ Austria จัดไปค่ะ 2วัน 1คืน สวย ๆ ตามมาดูกันว่าเมืองนี้จะมีอะไรให้เที่ยวชมกันบ้าง
Kitzbühel ออกเสียงว่า คิทส์บูเฮล เป็นเมืองแห่งภูเขาของแคว้น Tirol ประเทศออสเตรีย ในช่วงฤดูหนาวจะคราครั่งไปด้วยนักท่องเที่ยว เนื่องจากแคว้นนี้เป็นที่นิยมของนักสกีทั่วยุโรป และมีการแข่งขันสกีจั้มทุกปี โรงแรมจะเต็มตลอดถึงแม้ว่าแต่ละที่จะมีราคาสูงก็ตาม และเมื่อฤดูร้อนมาเยือนความนิยมไปเที่ยวไม่ได้น้อยไปกว่าช่วงฤดูหนาวเลย มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย ทั้งปีนเขา นั่งกระเช้า กระโดดร่ม ว่ายน้ำ และอีกมากมาย แต่มาดามไปแค่สองวันเลยไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรมากมาย เน้นชิวเบาๆ เดินชมเมืองสวยๆ ผจญภัยเล็กๆน้อยๆ
ออกเดินทางจากเมืองมิวนิคเวลา 10 นาฬิกา ระยะทางประมาณ 135 ก.ม. ใช้เวลาขับ 2 ชั่วโมง รวมรถติดและหลงทางแล้ว ฮ่าๆๆๆ ก่อนเช็คอินเข้า รร. เราแวะพักทานอาหารกลางวันกันที่ Schwarzsee ทะเลสาบดำ สาเหตุที่เรียกชื่อนี้ เนื่องจากพื้นทะเลสาบเป็นโคลนตม เมื่อมองจากที่สูงจะเห็นน้ำเป็นสีดำนั้นเอง ที่นี่จะมีกิจกรรมทางน้ำให้บริการทั้งเด็กและผู้ใหญ่
แต่ร้านอาหารมีให้เลือกไม่มากนักจากที่เห็นจะมีอยู่ 2-3 ร้าน มาดามเลยเลือกร้านอิตาลี
Barrique Kitzbühel เพราะคิดว่าน่าจะกินง่ายที่สุดสำหรับตัวเอง อิๆๆ ร้านนี้เป็นร้านอาหารแบบ Slow Food

หากใครที่เร่งรีบไม่แนะนำเนื่องจากเขาจะทำสดใหม่ทุกอย่าง จึงใช้เวลาทำค่อยข้างช้า แต่รับประกันความอร่อย บริการดี พนักงานน่ารัก แถมบรรยากาศเริศอีกต่างหาก มีโซนให้นั่งทั้งภายในร้าน และริมทะเลสาบ อากาศเย็นสบายๆไม่ร้อนมาก ทานอาหารไปชมบรรยากาศไป ฟินเลยทีเดียว อิๆๆ
หลักจากอิ่มหน่ำอาหารกลางวันกันไปแล้ว ก็เดินชมวิวทิวทัศเล็กน้อย หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าเข้าเมืองกัน เราพักกันที่โรงแรม Sporthotel Reisch, Kitzbühel เป็นขนาด สี่ดาว อยู่ใจกลางเมือง ที่จอดรถฟรี ไวไฟฟรี พร้อมอาหารเช้า คืนละ 153 ยูโร ฮึปาดเหงื่อแพร๊บ ไม่ต้องตกใจทำไมมันมันแพงขนาดนี้ อย่างที่บอกไว้แล้วเมืองนี้เป็นที่นิยมตลอดทั้งปี ที่พักต่างๆจึงมีราคาสูงไปด้วย แต่ถ้าออกนอกเมืองไปจะราคาถูกลง ด้วยความที่บ้านเพื่อนอยู่ในเมืองเพื่อความสะดวกจองก็จอง
ขนาดห้อง 29 ตรม. เตียงควีนไซส์ ห้องน้ำในตัว มีอ่างอาบน้ำและฝักบัว วิวเมือง รวมๆแล้วก็สมราคาดี พอเช็คอินเสร็จก็ไปเดินชมเมืองช๊อปปิ้งกันกับเพื่อนสาว เพรนไว้ว่าวันเสาร์เราจะไปช๊อป แล้ววันอาทิตย์ไปนั่งกระเช้าขึ้นเขา แต่...แผนพังค่ะ วันเสาร์เป็นวันหยุด!!!!!!!!! บระเจ้า ตอนจองลืมดูปฏิทิน เยอรมนีกับออสเตรียดันหยุดเหมือนกัน จำได้ไหมมาดามเขียนไว้บทความที่แล้ว วันหยุดทุกร้านปิด โดนซะเองคร้าาาา เอ้า!!ทำไงได้มาแล้วนิ เดินก็เดิน แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีบ้าง บางร้านมีเปิดได้เข้าไปดูแก้เซ็ง แต่ราคาแพงระยับตับกระจุย ก็ได้แค่ชม ๆ ดม ๆ หอมปากหอมคอ
รถม้าชมเมือง ขั้นต่ำ 30 นาที 40 ยูโร
ตกบ่ายแก่ๆ เพื่อนสาวพาไปทานไอศครีมที่ร้าน Caffe Beluna มาดามกับเพื่อนสั่ง ไอศครีมช๊อคโกแล็ตปั่น รสชาติไม่ผ่านค่ะ ไอศครีมมีอยู่นิดนึง วิปครีมก็ไม่อร่อยให้มาซะครึ่งแก้ว แถมแพงด้วย ในมิวนิคอร่อยกว่า ส่วนคุณสามีทานกาแฟใส่ไอครีมวนิลา ไม่ได้ถามว่าอร่อยไหมเพราะขานั้นกินอะไรก็อร่อยหมด แต่เดาว่าไม่โอเหมือนกัน ฮ่าๆๆ
ตกเย็นเราไปงานดนตรีท้องถิ่นของเมืองกัน ที่ Jochberg ห่างไปประมาณ 8 กม. จะเป็นงานอินดอร์ภายในงานจะมีซุ้มขายอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟและเค้ก ช่วงทุ่มถึงสามทุ่มมีวงดนตรีคลาสสิคบรรเลงโดยเครื่องเป๋าให้ฟัง แนวเพลงท้องถิ่นไม่รู้จักหรอกฟังไปงั้นแหละ นักดนตรีน่ารักเลยอยู่ฟัง ขริๆๆ
พอสามทุ่มกว่าๆ มีอีกวงมาแสดง เป็นบอยแบนด์ สามหนุ่ม แนวโฟคซองค์ ประมาณลูกทุ่งเมืองฝรั่วอ่ะ ทนฟังอยู่สามเพลง พอแหละกลับโรงแรมนอนดีกว่า อยู่ไปก็ฟังไม่รู้เรื่องง่วงด้วย ส่งเพื่อนสาวถึงบ้านเรียบร้อย ราวๆ สี่ทุ่มผับที่ รร.มีปาร์ตี้ เปิดเพลงดึ่งดึ๋งทันสมัย แหม่ไม่น่าเลยถ่อไปซะไกลของดีอยู่ปลายจมูกนี่เอง แต่ไม่ไหวแล้วขี้เกียจ อาบน้ำนอนดีกว่าเก็บแรงไว้ขึ้นเขาวันถัดไป
ด้วยความที่รร.ไม่มีแอร์จำต้องเปิดหน้าต่างนอน และปาร์ตี้ข้างล่างก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง เที่ยงคืน ตีหนึ่งยังเมามันกันอยู่ โอ้วแม่เจ้าเสียงดังสิค่ะ นอนไม่ได้คุณสามีต้องลุกไปปิดหน้าต่าง อะเงียบ ไม่ได้ยินเสียงและ แต่.... ไม่มีแอร์ ร้อนสิค่ะ หายใจไม่ออกอีก แม่มมมเอ้ย สรุปทั้งคืนสองผัวเมีย ตาโหล่ตอนเช้าเลย นอนไม่หลับคะ พอเลยงานนี้ไม่จองรร.ในเมืองอีกต่อไปแล้ว เข็ดพะยะค่ะ และที่สำคัญสิ่งที่ต้องดูเป็นอันดับต้นๆต่อไปคือ เครื่องปรับอากาศในห้องพัก ไม่งั้นกรูตายยยยยย
เช้าวันต่อมาอาบน้ำแต่งตัวไปทานอาหารกัน ทางโรงแรมมีแบบ A la carte และบุฟเฟต์ให้บริการ ลำพังแค่บุฟเฟต์ที่รร.จัดไว้ก็ละลานตา ทานกันไม่ไหวแล้ว อาหารน่าทาน

อีกทั้งยังมีชีส เนย นม และแยมโฮมเมดให้ลิ้มลองด้วย แต่มาดามไม่ได้ชิมนะเผอิญไม่นิยมชีสเท่าไรแค่ได้กลิ่นก็จะเป็นลมแย้ว แต่แอบถามสามีว่าเป็นไงมั้ง นางว่า ชีส รสชาติค่อนข้างเข้ม
เติมพลังกันเต็มที่พร้อมออกเดินทางไปนั่งกระเช้าขึ้นเขา ที่เมืองนี้จะมีจุดขึ้นกระเช้าหลายที่มาก แล้วแต่ใครอยากจะขึ้นไปสูงแค่ไหน เราเดินทางไปขึ้นกันที่ Hornbahn
ที่จุดนี้สามารถขึ้นไปที่ความสูง 1998 m ราคาไป-กลับ 22 ยูโร หากใครพักโรงแรมในเมืองนี้จะได้รับส่วนลดอีกท่านละ หนึ่งยูโร รายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่
วันนี้ท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจหมอกลงจัดเพราะกลางคืนฝนตก เลยทำให้มองไม่เห็นวิวจากบนเขาเสียเท่าไร ตกบ่ายเมฆเริ่มจางลงพอมองเห็นบาง บนเขาจะมีสวนดอกไม้ท้องถิ่นจัดประดับไว้ แต่มันเริ่มโรยแล้ว ก็ยังคงสวยอยู่นะ
น้องวัวน้อยใหญ่บ้างนอน บ้างเล็มหญ้าตามข้างทาง เวลาเดินลงเขาสิ่งที่ต้องระวังคือ ขี้น้องวัวนะจ๊ะ นางๆทั้งหลายถ่ายทิ้งเรี่ยราดรายตลอดทางเลยจร้าา
เราเดินลงเขากันมาที่จุด 1670 m Alepenhaus ราวๆบ่ายสองได้ พักทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารที่นี้ รสชาติไม่ค่อยถูกปากเท่าไร ขนาดสามีที่กินอะไรก็อร่อย ยังเหลือเต็มจานเลย แต่ราคาไม่แพงมาก ทานแค่พอประทังความหิวได้
จากนั้นเรามุ่งหน้าไป Zahmer Kaiser สวนสนุกเล็กๆสำหรับทั้งครอบครัว อยู่แถวๆ Walchsee เป็นทางผ่านก่อนกลับบ้าน เพื่อไปเล่นกิจกรรมประจำฤดูร้อนที่พลาดไม่ได้ นั้นก็คือ
Sommerrodelbahn หรือ รางสไลเดอร์นั้นเอง ก่อนอื่นเราจะต้องนั่งกระเช้าขึ้นเป็นบนเขา เพื่อไปยังจุดเริ่มต้นของราง จากนั้นนำเครื่องสไลด์วางบนราง ซึ่งจะไม่มีเครื่องยนต์ใดๆ จะมีเพียงเบรคมือบังคับความเร็วเท่านั้น สามารถเลือกได้ทั้ง มันส์คนเดียว หรือจะเสียวคู่ ตามชอบใจ เอาละเมื่อเครื่องพร้อม คนพร้อม ก็.....ไป ความยาวของราง 90 m และความเร็วโดยประมาณ 40-50km/h ดูเหมือนไม่เร็ว แต่อย่าลืมนะเป็นความเร็วลงเขาจ้าาาาา
http://zahmerkaiser.com/sommer/sommerrodelbahn-walchsee
มาดามกับสามีจัดไปคนละ สามรอบ ราคารวมกระเช้าขึ้นเขาด้วยสองคนทั้งหมด 24 ยูโร มันส์ปิดทริปก่อนกลับบ้านนอน อิๆๆ นอกจาก Sommerrodelbahn แล้วยังมีส่วนสำหรับเด็กเล็กให้ได้สนุกกันอีกด้วยนะ รายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่
สนุกสนานยามสุดสัปดาห์คราวหน้าจะพาไปไหนเคยติดตามกันต่อไปนะคร้าาาาาา แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะมีเกร็ดความรู้สนุกๆ มาฝากกันเช่นเคยค่ะ
สุดท้ายนี้ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยจงปกปักรักษาพี่น้องชาวไทยและต่างชาติทั้งหลายในประเทศไทยและทุกๆที่ให้พ้นจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวงนะคะ เพี้ยงงงงง
No comments:
Post a Comment