Monday, 16 November 2015

ออร์โตบาห์น ณ เมืองไส้กรอก



                                               brendareed.wordpress.com
 

สวัสดีค้าทุกท่าน หายไปนานกับการเล่าเรื่องพอดีมาดามมีเรื่องยุ่งๆนิดหน่อย บวกกับติดละครแหะๆ เลยไม่เขียนเรื่องราวให้ได้อ่านกันเลย เอาล่ะกลับมาแล้ว เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้จะเป็นเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับถนนออร์โตบาห์นประเทศเยอรมนีแต่เป็นในมุมมองของผู้โดยสารนะค่ะ ข้อมูลลึกๆๆๆๆมาดามเองก็ไม่ทราบมากเท่าไร แต่ถ้าใครอยากรู้ถามมาแล้วมาดามจะพยายามไปหาคำตอบมาให้นะค่ะ 

เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านได้มีโอกาสขับรถไปธุระจากมิวนิคไปดัสเซลดอร์ฟ ระยะเวลาประมาณ 6-7 ชม. ที่สำคัญเผลอหลับไปนิดเดียวด้วย เลยได้สังเกต และรู้อะไรหลายๆอย่างบนถนนเลยมีเรื่องมาเล่า ปกติขึ้นรถปุ๊ปหลับปั๊บไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น  

ถนนออร์โตบาห์น หรือที่หลายๆคนรู้จักในนาม มอร์เตอร์เวย์ คือ ทางหลวงพิเศษที่จำกัดการเข้าออก ซึ่งเป็นทางคู่และมีทางยกระดับข้ามทางแยก  เป็นถนนที่ขับจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งในประเทศเยอรมนี หรือต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ พาหนะที่ใช้งานออโตบาห์นได้ จะต้องเป็นพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมีความเร็วไม่ต่ำกว่า 60 กม/ชม (37 mph)


                                                          de.wikipedia.org


ปัจจุบันโครงข่ายของออโตบาห์นในเยอรมนีมีความยาวทั้งสิ้น 12,917 กิโลเมตร (ข้อมูลปี 2014) เป็นโครงข่ายถนนขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ห้าของโลก (2012) รองจากระบบทางหลวงอินเตอร์สเตตในสหรัฐอเมริกา และระบบทางหลวงในประเทศจีน ระบบทางหลวงในประเทศแคนาดา และ มอเตอร์เวย์ของประเทศสเปน ตามลำดับ ออโตบาห์นในเยอรมนีได้ชื่อว่าเป็นทางหลวงสายหนึ่งที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุต่ำที่สุด (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)



                                                      de.wikipedia.org                                           
                                           โครงข่ายถนนทางหลวงในเยอรมนี


ในบางประเทศถนนทางหลวงอาจมีค่าใช้จ่าย เช่น ถ้าขับเข้าอิตาลี จะเรียกว่า Maut ซึ่งจะเป็นด่านชำระเงิน ออสเตรียจะเรียกว่า Vignette จะเป็นในรูปแบบสติกเกอร์ติดกระจก สามารถหาซื้อได้ตามปั้มน้ำมันบนออร์โตบาห์นก่อนเข้าออสเตรีย แต่สำหรับเยอรมนีแล้วไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆคะ 

และสิ่งที่หลายๆคนสงสัยเกี่ยวกับขีดจำกัดความเร็วในการขับขี่บนออร์โตบาห์น ว่าไม่จำกัดความเร็วนั้นจริงหรือไม่ คำตอบคือ จริง แต่ไม่ทั้งหมด ในความเป็นจริงแล้วความเร็วไร้ลิมิตที่ตำรวจจะไม่จับประมาณ 180-200 กม/ชม.  ทั้งนี้จะมีช่วงที่จำกัดความเร็ว 100-130 กม/ชม.ในช่วงทางแยกทางร่วมที่จะเข้าเมือง ช่วงทางแยกเข้าปั้มน้ำมัน หรือช่วงที่มีการก่อสร้างถนน ความเร็วจะจำกัดลดลงเหลือเพียง 80 กม/ชม. ซึ่งทางแยกพวกนี้มีมากซะด้วย ใครที่กำลังมาด้วยความเร็วไม่จำกัดถึงกับชะลอแทบไม่ทันเลย เปลืองน้ำมันไม่ใช่เล่นเลยนะสำหรับสิงห์นักขับเนี่ย

                                                       en.wikipedia.org
                ป้ายจำกัดความเร็ว




 










                                     สิ้นสุดเขตจำกัดความเร็ว


 
 
เมื่อมีป้ายจำกัดความเร็วนั้นหมายถึง ต้องลดความเร็วให้อยู่ระดับนั่นหรือต่ำกว่า ไม่ว่าจะวิ่งมาด้วยความเร็วสูงเท่าไรก็ตาม หากฝ่าฝืนคุณตำรวจจะขับรถตามแล้วโบกให้จอดข้างทาง โดนค่าปรับกันไป โดยตำรวจทางหลวงนั้นจะขับปะปนไปกับรถทั่วไป บางครั้งรถที่ใช้จะไม่มีตราตำรวจ หรือก็อาจจะเป็นรถตำรวจเลยก็ได้ แล้วแต่ความพอใจของเขา หรืออีกกรณีนึง โดยกล้องจับความเร็ว ถ่ายรูปแล้วส่งใบเสร็จมาเรียกเก็บที่บ้าน ในเรื่องค่าปรับถึงกับเหงื่อแตกเลยนะ ไม่ใช่ แค่ 500 -1000 บาท แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเร็วที่เกินขึ้นไป ขั้นต่ำๆก็น่าจะ 30 ยูโร พร้อมให้คะแนน ใครสะสมคะแนนเยอะ ถึงขั้นโดนยึดใบขับขี่นะคะ ปรับหนักปรับจริงไม่ติงนัง เพราะฉะนั้นบ้านเมืองเขาจึงไม่ค่อยมีอุบัติเหตุบนท้องถนน

พูดถึงเรื่องค่าปรับ สามีมาดามนี่จัดมาแล้ว 3 ประเทศ สวยๆ เริ่มแรกไทยแลนด์แดนเรานี่แหละ ขับเกินไป 2 กม/ชม. แถวๆทางไปเพชรบุรี โดนไป 450 บาท ต่อมาเยอรมนีในชุมชนขับได้ไม่เกิน 30 ขับเกินไปนิดหน่อย พอดีตอนนั้นไปเที่ยวหนีกลับไทยทันใบเสร็จตามมาไม่ถึงรอดไป ครั้งที่สามไปตอนมาอยู่เยอรมนีแล้ว ไปเที่ยวสก็อตแลนด์กัน ขับเกินไปเท่าไรไม่รู้ ใบเสร็จจากบริษัทรถเช่าส่งมาถึงบ้านโดนไปอีก 50 ปอนด์ ซีดค่ะ ยังไม่จบครั้งล่าสุดขับกลับมาจากออสเตรียตอนกลางคืน ด้วยความรีบอยากกลับบ้าน ตอนนั้นมาดามหลับอยู่ เกินไปเท่าไรไม่รู้ พอลืมตาขึ้นมา แชะ!!! ในใจคิด ผัวกูโดนอีกแล้ววววว กล้องจับความเร็วบันทึกไว้สิค่ะ ใบเสร็จส่งตามมาโดนอีก 70 ยูโร โอ้ยพ่อคุณเอ้ยยยย ไม่เคยเข็ดจริ๊ง จริง พอรอบนี้ไปดัสเซลดอร์ฟ เลยถามจะเอาอีกไหม ใบสั่งเนี่ย เพลียจิตกับสามีขยันหาเงินเข้ารัฐ




 

ขับรถบนออร์โต้บาห์นตอนกลางวันไม่ใช่ปัญหา มองเห็นทางชัดเจนถนน 2-4 เลนขับสบาย แต่พอตอนกลางคืนมืดมิดสนิทใจจริงๆ ตลอดเส้นทางไม่มีไฟทางสักดวง จะมีก็ต่อเมื่อถึงทางแยกเข้าปั้ม นอกนั้นยาวไป อาศัยความสว่างจากรถที่วิ่งบนถนนเท่านั้น จริงๆมันก็เห็นนะ แต่ถ้าใครไม่ชินทางเลี้ยวทางโค้ง ก็ขับไม่เร็วจะดีกว่า หากเกินอุบัติเหตุขึ้นมาจะเป็นปัญหามากมายที่บ้านเมืองนี้ บางช่วงถนนรถน้อย แสงไฟมีแค่รถเราคันเดียวก็ชวนวังเวงได้เหมือนกัน


                                                  de.wikipedia.org
 

เพื่อนๆท่านใดที่อยากจะลิ้มลองความเร็วบนถนนออร์โตบาห์น ก็ลองมาขับกันได้ แต่ขอให้อยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย ระมัดระวัง อย่าให้เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งเคารพกฎจราจรด้วยนะค่ะ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่านและผู้ร่วมใช้ถนนค้า

รักษาสุขภาพระวังยุงลายด้วยนะจ๊ะ


Monday, 21 September 2015

มาดามพาเพลิน Oktoberfest เทศกาลเบียร์ประจำปี



                                                         https://wolfsgain.wordpress.com
                  

งานเทศกาลเบียร์ประจำปีของประเทศเยอรมนีที่หนุ่มสาวชาวเยอรมันตั้งหน้าตั้งตารอเริ่มขึ้นแล้ว โดยทั่วไปจะจัดเป็นเวลา 16 วัน ณ.เมืองมิวนิก ที่มาดามอยู่นี้เอง ในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมของทุกปี  ปีนี้ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ถึง 4 ตุลาคม

Oktoberfest  ถือเป็น 1 ในเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดในเยอรมนีและเป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของโลก กับผู้เข้าร่วมเทศกาลประมาณ 6 ล้านคนทุกปี และมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมของบาเยิร์น เทศกาลดั้งเดิมจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1810 โดยจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองงานอภิเษกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารลุดวิคกับเจ้าหญิงเทเรเซน 



สถานที่จัดงานจะเรียกว่า Theresienwiese หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Wiesn บริเวณลานนี้เปรียบเสมือนท้องสนามหลวงของไทย มักจะใช้จัดงานหรือกิจกรรมใหญ่ๆ เช่น Oktoberfest  ตลาดคริสมาส เป็นต้น ขนาดพื้นที่ประมาณ 42 ตารางกิโลเมตร การเดินทางนั้นไม่ยากเลยจากตัวเมืองมิวนิค หรือสถานี Karlplatz (Stachus) นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินหรือ U Bahn สาย 4 มุ่งหน้า Westend str. หรือ สาย 5 มุ่งหน้า Laimer Platz ลงที่สถานี Theresienwiese โผล่ขึ้นไปถึงงานเลยสะดวกมาก

สถานที่ดื่มเบียร์จะมีทั้งในร่มและกลางแจ้ง ถ้าในร่มเขาจะเรียก เต็นท์ ( Zelte ) มีทั้งเล็กทั้งใหญ่ให้เลือกเข้าไป และในแต่ละเต็นท์ก็จะมีการแสดงท้องถิ่นของบาวาเรียนบนเวที บริการอาหารสไตล์บาวาเรียน รวมทั้งเครื่องดื่มอื่นๆ 



 

                                                        oktoberfest.de
 

สนนราคาค่าเบียร์ ต่อแก้วต่อลิตรไม่ต่ำกว่า 10 ยูโร หรือประมาณ 400 บาทขึ้นไป ยังไม่รวมค่าอาหารนะ ซึ่งแต่ละคนที่ไปคงไม่ดื่มกันแค่แก้วสองแก้วแน่ๆใช่ไหมละ คงต้องเตรียมกระเป๋าเงินให้พร้อมกันนะคะ สำหรับการจะเข้าไปนั้นไม่ใช่ว่าอยากเข้าไปก็เข้านะ จะต้องมีบัตรเชิญ หรือต้องจองโต๊ะล่วงหน้าเกือบปี ถ้าไม่จองต้องไปรอเอาคิวตั้งแต่เช้าตรู่เผื่ออาจจะได้คิวเสริม เดินมั่วๆเข้าไปโดนคุณรปภ.เตะโด่งมาไม่รู้นะ ตัวแม่งอย่างกะยักษ์ แต่บางเต้นท์ที่เล็กๆ ที่ไม่เน้นเบียร์อย่างเดียว จะมีอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ จำหน่ายด้วย ไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้าแต่ก็อาจจะต้องรอคิวนานพอสมควร มาดามก็ไปตามเต้นท์พวกนั้นแหละ อิๆๆ

                                                          oktoberfest.de

หากใครไม่นิยมเบียร์ ก็จะมีบูทขายอาหาร ผลไม้ ถั่วนานาชนิดเคลือบช็อคโกแลต ขนมหวานให้เลือกทาน ไม่อดตายอย่างแน่นอน และขนมประจำงานที่ขาดไม่ได้จะมีขายทั่วทั้งงานนั้นก็คือ 


 
Lebkuchenherz  คุกกี้น้ำตาลรูปหัวใจ ใครมาแล้วต้องลอง แต่มันหวานมากนะขอเตือนไว้ก่อน

หลายๆคนรวมทั้งมาดามด้วย อาจคิดว่ามันคงเป็นแค่ลานเบียร์เหมือนบ้านเราที่อุดมไปด้วยเบียร์นานาชนิด แต่ไม่ใช่ มันเป็นงานเบียร์ที่มีสวนสนุกให้เล่นไปด้วย เมื่อก่อนจะมีแต่เบียร์ ยุคสมัยเปลี่ยนเลยพัฒนาให้มีเครื่องเล่นต่างๆ เพื่อรองรับกับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยได้มากขึ้น


  









เครื่องเล่นมีไม่ต่ำกว่า 10 ชนิดให้เลือกเล่นกันตามอัธยาศัย ส่วนราคาก็แตกต่างกันไปประมาณ 3-7 ยูโร เสียวมากก็แพง เสียวน้อยก็ถูก
 
สำหรับการแต่งกายชาวเมือง จะแต่งเป็นชุดประจำเมืองบาวาเรียน ก็อย่างที่เห็นมาดามกะสามีแต่งอ่ะคะ คล้ายแนวคาวบอยจริงๆ แล้วผู้หญิงจะต้องใส่แบบโชว์เนินอกเยอะๆ แต่มาดามขอสละสิทธิ์ อกน้อยๆอย่าไปประชันกะเขาเลย หนาวอีกตะหาก ชุดแต่งกายของผู้หญิงเรียกว่า เดลินเดล dirndl

 
                                                        bavaria-lederhosen

ผู้ชายเรียกว่า เลเดอร์โฮเซิล Lederhosen แต่ละชุดราคาปกติไม่ต่ำกว่า 100 ยูโร โดยเฉพาะของผู้ชาย เสื้อไม่เท่าไรแค่เชิ้ต แต่กางเกงมันทำจากหนังตกตัวละ 200 ยูโร หรือ 8000 บาท ชุดคุณผู้หญิงก็แพงไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน หากใครต้องการเนื้อผ้าหนาๆ ปักลายสวยๆ ราคาก็พุ่งขึ้นถึง 200 ยูโรเช่นกัน  แต่ไม่ต้องตกใจของมาดามซื้อช่วงท้ายเทศกาลได้ราคาถูก ไม่เน้นหรูหราราคาแพง เอาเพียงแค่ใส่ร่วมเทศกาลก็พอ 

หากใครมีแผนที่จะมาเที่ยวเยอรมนีตอนใต้ อย่าลืมมาแวะชมเทศกาลอันยิ่งใหญ่ของประเทศนี้กันนะคะ ย้ำกันอีกที งานเริ่มแล้ววันนี้ไปจนถึง 4 ตุลาคม ปีละครั้ง เท่านั้น พลาดไม่ได้น้า !!!!!! หากไม่ทันปีนี้ ปีหน้าเริ่ม 17 กันยายน ถึง 3 ตุลาคม 2559
ปล. เตรียมเงินมาเยอะๆนะในงานของแพงระเบิด แต่มันส์กระจาย คุ้มเบย เชื่อมาดามสิ!!??

เยอรมนีสวรรค์ของนักดื่มเบียร์