Wednesday, 31 August 2016

เปิดเทอมใหญ่ของเด็กๆในเยอรมนี






เปิดเทอมใหม่หัวใจว้าวุ่น ตอนรับวันเปิดภาคเรียนใหม่ของเด็กๆประเทศเยอรมนีกันค้า สวัสดีค่ะมิตรรักแฟนเพจของมาดาม หายยยยยยไปนานมากกับบทความสนุกๆ ต้องขออภัยจริงๆ ที่ทำให้เพจเงียบเหงา เนื่องจากมาดามมีภาระกิจที่ต้องทำมากมาย บวกกับความเกียจคร้านเขาครอบงำ แฮะๆๆๆ (อันนี้ประเด็นหลัก) เอาละเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามาเริ่มกันเลยดีกว่า

 เมื่อสักครู่ได้กล่าวเกี่ยวกับวันเปิดเทอมใหญ่ของเด็กที่เยอรมนี เอ๊ะ!!แล้วมันจะมีอะไรแตกต่าง หรือพิเศษไปกว่าที่เมืองไทยของเรายังไงละ ต้องมีสิ ไม่งั้นมาดามไม่นำมาเสนอแน่นอน 

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักภาคเรียนของเด็กที่นี่กัน สำหรับท่านที่ทราบดีแล้วสามารถผ่านย่อหน้านี้ไปได้เลยนะคะ ภาคการเรียนจะแบ่งออกเป็น 2 เทอม เช่นเดียวกันที่เมืองไทย เป็นภาคฤดูร้อนและฤดูหนาว เปิดเทอม ช่วงฤดูร้อน หรือซัมเมอร์ที่เราคุ้นหูกัน จะเป็นภาคเรียนใหม่ ขึ้นชั้นเรียนใหม่ (ไม่ใช่เรียนเพิ่มเหมือนเมืองไทยนะ) ซึ่งจะ เริ่มช่วงกลางหรือปลายเดือนสิงหาคม ของทุกปี ทั้งนี้ช้าหรือเร็วจะขึ้นอยู่กับแต่ละเขตพื้นที่ของเมืองนั้นๆ วันเริ่มเรียนส่วนใหญ่ของเด็กเล็กๆ มักจะเริ่ม วันพุธ  มิใช่วันจันทร์นะจ๊ะจากนั้นก็จะเรียนไปเรื่อยๆ เมื่อถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์เดือนต่างๆ ก็จะมีหยุดเช่นกัน จนเข้าช่วงฤดูหนาวเดือนธันวาคม จะมีปิดเทอมระยะสั้น 2 สัปดาห์ คือ ช่วงคริสมาสถึงต้นปีใหม่ และจะกลับมาเรียนกันอีก

 
 ระหว่างเดือนต่างๆมีวันหยุด ก็หยุดกันไป บางครั้งยาวถึง 1 สัปดาห์ก็มี เช่น ช่วงอีสเตอร์ (มีนาคม หรือ เมษายน) เป็นต้น เรื่อยไปจนถึงกลางหรือปลายเดือนกรกฏาคม จากนั้นก็จะปิดเทอมใหญ่กันอีกครั้ง 4-6 สัปดาห์ และเริ่มภาคเรียนใหม่อีกครั้งเดือนสิงหาคมนั้นเอง

และสิ่งที่ประเทศเยอรมนีให้ความสำคัญกับเด็กๆ นั้นก็คือ ชีวิตการเริ่มเรียนหนังสือในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (Grundschule) นั้นเอง ถือได้ว่าเป็นก้าวแรกของชีวิตวัยเรียนอย่างจริงจัง โดยทางโรงเรียนจะจัดวันประชุมนักเรียนและผู้ปกครองในวันเสาร์ ให้มารู้จักคุณครู ห้องเรียน รวมทั้งเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนของเด็กๆ หลังจากที่ทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่เด็กๆ ในวันนั้น ตั้งตารอคือ ถุงของขวัญ (Schultüte) ซึ่งภายในถุงจะบรรจุไปด้วย อุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น ช็อคโกเลต และขนมขบเคี้ยว
 

   ที่จะได้จากพ่อแม่ และบรรดาญาติๆ ของเด็กๆนั้นเอง บ้านไหนมีกำลังทรัพย์มากถุงก็จะใหญ่และประดับประดาไปด้วยตัวการ์ตูนที่เด็กชื่นชอบ จากที่มาดามได้ไปร่วมงาน ของลูกสาวเพื่อนมา ทางโรงเรียนได้นำถุงของขวัญของเด็กทุกคน ไปใส่ไว้ในรถดับเพลิง เมื่อถึงเวลา คุณเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสวมชุดเต็มยศขับรถดับเพลิงออกมากลางลานของโรงเรียน เพื่อให้คุณครูประกาศและแจกจ่ายให้แก่เด็กๆ ผู้เป็นเจ้าของ เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของเด็กๆ มากต่างกรีดร้อง แสดงความดีใจกันทุกคน รวมไปถึงตัวมาดามเองด้วย เพราะก็ไม่เคยเห็นกิจกรรมแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน >o<

 
                                                      ของมาดามเตรียมมาให้


หลังจากที่ได้รับถุงของขวัญกันไปแล้ว บางบ้านก็จะจัดปาร์ตี้ในช่วงเย็น เลี้ยงฉลองวันเข้าเรียนของตัวน้อย โดยจะชวนญาติๆ เพื่อนๆ มาร่วมแสดงความยินดี ทุกคนที่มาจะมีถุงของขวัญมามอบให้ ถือได้ว่าเป็นวันที่หน้ายินดีและสนุกสนาน สร้างความประทับใจให้กับเด็กๆเป็นอย่างมาก ถือเป็นกุศโลบายที่ดี ที่จะทำให้เด็กอยากไปโรงเรียนได้ดีจริงๆ




หากใครที่อยากนำธรรมเนียมน่ารักๆ แบบนี้ไปปรับใช้กับลูกหลานของท่านก็ไม่เสียหายนะคะ ถือเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจให้กับน้องๆอีกทางหนึ่งด้วย ส่วนมาดามเองนั้นคงต้องนำไปใช้แน่นอนแต่คงอีกสักพักใหญ่เพราะตอนนี้มีสาวน้อยรออยู่ในท้อง พร้อมจะออกมาดูโลกในไม่ช้าแล้วววว :)
สำหรับบทความหน้าจะเป็นอะไรนั้นโปรดรอติดตามกันต่อไปนะค้า

ด้วยรักและคิดถึง
มาดามไวท์เทด

Monday, 16 November 2015

ออร์โตบาห์น ณ เมืองไส้กรอก



                                               brendareed.wordpress.com
 

สวัสดีค้าทุกท่าน หายไปนานกับการเล่าเรื่องพอดีมาดามมีเรื่องยุ่งๆนิดหน่อย บวกกับติดละครแหะๆ เลยไม่เขียนเรื่องราวให้ได้อ่านกันเลย เอาล่ะกลับมาแล้ว เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้จะเป็นเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับถนนออร์โตบาห์นประเทศเยอรมนีแต่เป็นในมุมมองของผู้โดยสารนะค่ะ ข้อมูลลึกๆๆๆๆมาดามเองก็ไม่ทราบมากเท่าไร แต่ถ้าใครอยากรู้ถามมาแล้วมาดามจะพยายามไปหาคำตอบมาให้นะค่ะ 

เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านได้มีโอกาสขับรถไปธุระจากมิวนิคไปดัสเซลดอร์ฟ ระยะเวลาประมาณ 6-7 ชม. ที่สำคัญเผลอหลับไปนิดเดียวด้วย เลยได้สังเกต และรู้อะไรหลายๆอย่างบนถนนเลยมีเรื่องมาเล่า ปกติขึ้นรถปุ๊ปหลับปั๊บไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น  

ถนนออร์โตบาห์น หรือที่หลายๆคนรู้จักในนาม มอร์เตอร์เวย์ คือ ทางหลวงพิเศษที่จำกัดการเข้าออก ซึ่งเป็นทางคู่และมีทางยกระดับข้ามทางแยก  เป็นถนนที่ขับจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งในประเทศเยอรมนี หรือต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ พาหนะที่ใช้งานออโตบาห์นได้ จะต้องเป็นพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมีความเร็วไม่ต่ำกว่า 60 กม/ชม (37 mph)


                                                          de.wikipedia.org


ปัจจุบันโครงข่ายของออโตบาห์นในเยอรมนีมีความยาวทั้งสิ้น 12,917 กิโลเมตร (ข้อมูลปี 2014) เป็นโครงข่ายถนนขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ห้าของโลก (2012) รองจากระบบทางหลวงอินเตอร์สเตตในสหรัฐอเมริกา และระบบทางหลวงในประเทศจีน ระบบทางหลวงในประเทศแคนาดา และ มอเตอร์เวย์ของประเทศสเปน ตามลำดับ ออโตบาห์นในเยอรมนีได้ชื่อว่าเป็นทางหลวงสายหนึ่งที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุต่ำที่สุด (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)



                                                      de.wikipedia.org                                           
                                           โครงข่ายถนนทางหลวงในเยอรมนี


ในบางประเทศถนนทางหลวงอาจมีค่าใช้จ่าย เช่น ถ้าขับเข้าอิตาลี จะเรียกว่า Maut ซึ่งจะเป็นด่านชำระเงิน ออสเตรียจะเรียกว่า Vignette จะเป็นในรูปแบบสติกเกอร์ติดกระจก สามารถหาซื้อได้ตามปั้มน้ำมันบนออร์โตบาห์นก่อนเข้าออสเตรีย แต่สำหรับเยอรมนีแล้วไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆคะ 

และสิ่งที่หลายๆคนสงสัยเกี่ยวกับขีดจำกัดความเร็วในการขับขี่บนออร์โตบาห์น ว่าไม่จำกัดความเร็วนั้นจริงหรือไม่ คำตอบคือ จริง แต่ไม่ทั้งหมด ในความเป็นจริงแล้วความเร็วไร้ลิมิตที่ตำรวจจะไม่จับประมาณ 180-200 กม/ชม.  ทั้งนี้จะมีช่วงที่จำกัดความเร็ว 100-130 กม/ชม.ในช่วงทางแยกทางร่วมที่จะเข้าเมือง ช่วงทางแยกเข้าปั้มน้ำมัน หรือช่วงที่มีการก่อสร้างถนน ความเร็วจะจำกัดลดลงเหลือเพียง 80 กม/ชม. ซึ่งทางแยกพวกนี้มีมากซะด้วย ใครที่กำลังมาด้วยความเร็วไม่จำกัดถึงกับชะลอแทบไม่ทันเลย เปลืองน้ำมันไม่ใช่เล่นเลยนะสำหรับสิงห์นักขับเนี่ย

                                                       en.wikipedia.org
                ป้ายจำกัดความเร็ว




 










                                     สิ้นสุดเขตจำกัดความเร็ว


 
 
เมื่อมีป้ายจำกัดความเร็วนั้นหมายถึง ต้องลดความเร็วให้อยู่ระดับนั่นหรือต่ำกว่า ไม่ว่าจะวิ่งมาด้วยความเร็วสูงเท่าไรก็ตาม หากฝ่าฝืนคุณตำรวจจะขับรถตามแล้วโบกให้จอดข้างทาง โดนค่าปรับกันไป โดยตำรวจทางหลวงนั้นจะขับปะปนไปกับรถทั่วไป บางครั้งรถที่ใช้จะไม่มีตราตำรวจ หรือก็อาจจะเป็นรถตำรวจเลยก็ได้ แล้วแต่ความพอใจของเขา หรืออีกกรณีนึง โดยกล้องจับความเร็ว ถ่ายรูปแล้วส่งใบเสร็จมาเรียกเก็บที่บ้าน ในเรื่องค่าปรับถึงกับเหงื่อแตกเลยนะ ไม่ใช่ แค่ 500 -1000 บาท แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเร็วที่เกินขึ้นไป ขั้นต่ำๆก็น่าจะ 30 ยูโร พร้อมให้คะแนน ใครสะสมคะแนนเยอะ ถึงขั้นโดนยึดใบขับขี่นะคะ ปรับหนักปรับจริงไม่ติงนัง เพราะฉะนั้นบ้านเมืองเขาจึงไม่ค่อยมีอุบัติเหตุบนท้องถนน

พูดถึงเรื่องค่าปรับ สามีมาดามนี่จัดมาแล้ว 3 ประเทศ สวยๆ เริ่มแรกไทยแลนด์แดนเรานี่แหละ ขับเกินไป 2 กม/ชม. แถวๆทางไปเพชรบุรี โดนไป 450 บาท ต่อมาเยอรมนีในชุมชนขับได้ไม่เกิน 30 ขับเกินไปนิดหน่อย พอดีตอนนั้นไปเที่ยวหนีกลับไทยทันใบเสร็จตามมาไม่ถึงรอดไป ครั้งที่สามไปตอนมาอยู่เยอรมนีแล้ว ไปเที่ยวสก็อตแลนด์กัน ขับเกินไปเท่าไรไม่รู้ ใบเสร็จจากบริษัทรถเช่าส่งมาถึงบ้านโดนไปอีก 50 ปอนด์ ซีดค่ะ ยังไม่จบครั้งล่าสุดขับกลับมาจากออสเตรียตอนกลางคืน ด้วยความรีบอยากกลับบ้าน ตอนนั้นมาดามหลับอยู่ เกินไปเท่าไรไม่รู้ พอลืมตาขึ้นมา แชะ!!! ในใจคิด ผัวกูโดนอีกแล้ววววว กล้องจับความเร็วบันทึกไว้สิค่ะ ใบเสร็จส่งตามมาโดนอีก 70 ยูโร โอ้ยพ่อคุณเอ้ยยยย ไม่เคยเข็ดจริ๊ง จริง พอรอบนี้ไปดัสเซลดอร์ฟ เลยถามจะเอาอีกไหม ใบสั่งเนี่ย เพลียจิตกับสามีขยันหาเงินเข้ารัฐ




 

ขับรถบนออร์โต้บาห์นตอนกลางวันไม่ใช่ปัญหา มองเห็นทางชัดเจนถนน 2-4 เลนขับสบาย แต่พอตอนกลางคืนมืดมิดสนิทใจจริงๆ ตลอดเส้นทางไม่มีไฟทางสักดวง จะมีก็ต่อเมื่อถึงทางแยกเข้าปั้ม นอกนั้นยาวไป อาศัยความสว่างจากรถที่วิ่งบนถนนเท่านั้น จริงๆมันก็เห็นนะ แต่ถ้าใครไม่ชินทางเลี้ยวทางโค้ง ก็ขับไม่เร็วจะดีกว่า หากเกินอุบัติเหตุขึ้นมาจะเป็นปัญหามากมายที่บ้านเมืองนี้ บางช่วงถนนรถน้อย แสงไฟมีแค่รถเราคันเดียวก็ชวนวังเวงได้เหมือนกัน


                                                  de.wikipedia.org
 

เพื่อนๆท่านใดที่อยากจะลิ้มลองความเร็วบนถนนออร์โตบาห์น ก็ลองมาขับกันได้ แต่ขอให้อยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย ระมัดระวัง อย่าให้เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งเคารพกฎจราจรด้วยนะค่ะ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่านและผู้ร่วมใช้ถนนค้า

รักษาสุขภาพระวังยุงลายด้วยนะจ๊ะ